i-Synes.com

ตะกร้า 0

สื่อสารไร้สายด้วย LiFi LED

สื่อสารไร้สายด้วย LiFi LED

Signify (ชื่อใหม่ของ Philips Lighting) ได้เปิดตัวระบบ LiFi System ใหม่ล่าสุด ที่สามารถใช้ระบบไฟให้แสงสว่าง มาใช้ส่งสัญญาณข้อมูลแบบไร้สาย ที่ทำความเร็วในการส่งข้อมูลได้ถึง 250 Mbps เป็นคลื่นความถี่แสงที่สามารถมองเห็นได้ แบบ Visible Light Communication (VLC) ในการส่ง...


 

ยุคการสื่อสารไร้สายที่คลื่นวิทยุหนาแน่นและอัดอยู่รอบข้างตัวจนไม่ว่าจะเป็นอินเทอร์เน็ต สัญญาณไวไฟ สัญญาณมือถือเป็นระบบสื่อสารครบวงจรแล้วนี้ พลันเห็นความสามารถไฟแอลอีดี (LED) ที่ให้แสงสว่างอยู่ทั่วไปมากมายกว่าเจ็ดพันล้านหลอด อันเป็นจำนวนที่คาดการณ์เพียงเท่าประชากรโลก ก็ได้ทำให้วงการสื่อสารไร้สายเห็นอนาคตตลาดขนาดมหึมาของแสงนำพาข่าวสาร ผ่านหลอดแอลอีดี(LED) หลอดไฟอัตโนมัติ เทคโลโยยีใหม่ล่าสุด ไลไฟ (LiFi หรือ Li-Fi) รับส่งข้อมูลข่าวสารผ่านหลอดไฟแอลอีดี (LED) แทนการใช้งานผ่านสัญญาณไวไฟ (WiFi)

 

ไลไฟ (LiFi) อินเทอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูง

ไลไฟ (LiFi) อินเทอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูง
นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยในสกอตแลนด์ แฮโรลด์ ฮาส ประดิษฐ์ ไลไฟ (LiFi) อินเทอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูงที่ส่งผ่านข้อมูลด้วยการเปิดปิดหลอดไฟเหมือน ไฟอัตโนมัติ (Motion Sensor Light) ศาสตราจารย์แฮโรลด์ ฮาส จากมหาวิทยาลัยเอดินบะระ ในสกอตแลนด์ ได้ประดิษฐ์ ไลไฟ (LiFi) เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตไร้สายรูปแบบใหม่ ด้วยการใช้แสงไฟกะพริบจากหลอดไฟแอลอีดี (LED)ในการส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ต ซึ่งมีความเร็วกว่าสัญญาณ WiFi ถึง 100 เท่า โดยลักษณะการทำงานของเครื่องส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตไร้สาย ไลไฟ (LiFi) จะคล้ายกับการส่งสัญญาณรหัสมอส โดยใช้การเปิด-ปิดหลอดไฟด้วยความเร็วสูง ซึ่งทำให้สื่อสารไร้สายด้วย LED สามารถส่งข้อมูลไร้สายด้วยความเร็วถึง 224 กิกะบิต/วินาที หรือหมายความว่าเราสามารถที่จะดาวน์โหลดภาพยนตร์ขนาด 1.5 กิกะไบต์ จำนวนถึง 18 เรื่อง ได้ภายในเวลาแค่ 1 วินาทีเลยทีเดียว


เทคโนโลยี่ สื่อสารด้วยแสง
การสื่อสารไร้สายด้วยแสงช่วยสื่อข่าวสารไปยังผู้รับมิใช่เรื่องใหม่ เคยเกิดมาในยุคแรกของโทรคมนาคมแล้ว โดย“เบลส์”ผู้ประดิษฐ์โทรศัพท์บ้านก็เคยได้วิจัยนำเสียงส่งผ่านคลื่นลำแสงกว่าร้อยปีเมื่อพ.ศ.2423 เป็นระบบการสื่อสารไร้สายแรกของโลก “เบลส์” จะรู้สึกดีแค่ไหนหากได้รับรู้ว่าการสื่อสารไร้สายด้วยแสงกำลังกลับมาสื่อสารเพื่อทั้งการให้ความสว่างแล้วยังสามารถรับส่งข้อมูลได้อีกด้วย ซึ่งก็จะมีโมเดลการใช้สื่อสารไร้สายด้วยแสงอยู่ 3 แบบ


รูปแบบสื่อสารไร้สายด้วยแสง
1) สื่อสารไร้สายด้วยแสง แบบ “วีแอลซี”(VLC : Visible Light Communications) ที่ใช้แสงส่งข้อมูลไม่ว่าจะด้านเดียว (broadcasting) และอื่น ๆ ที่หลากหลาย ในรีโมทต่าง ๆ


2) สื่อสารไร้สายด้วยแสง แบบ ไลไฟ (LiFi หรือ Li-Fi) การสื่อสารด้วยแสงสองทาง (LiFi : Light Fidelity) ที่ถูกนิยามครั้งแรกว่าเหมือนสัญญาณไวไฟ (WiFi) เพียงเปลี่ยนมาใช้แสงจากหลอดไฟแอลอีดี (LED)แทน


3) สื่อสารไร้สายด้วยแสง แบบ “ฮายไฟ”(HyFi: Hybrid- LiFi) การสื่อสารผสมด้วยแสงที่อาจมีขาขึ้น (uplink) เป็นคลื่นวิทยุทั้งสัญญาณไวไฟ (WiFi) บลูทูธ หรือ โทรศัพท์มือถือก็ได้ แต่ขาลง (downlink) จะมาจากแสงของหลอดแอลอีดี(LED)ที่ให้ความสว่างอยู่นั่นเอง ซึ่งระบบ Hybrid จะมีเป็นลูกผสม 2 ส่วน คือ ภาคส่งแสงและข้อมูล กับ ภาครับข้อมูล

 

ไลไฟ (LiFi) เครือข่ายปลอดภัย

ไลไฟ (LiFi) เครือข่ายปลอดภัย
ตอนนี้ได้มีการนำ LiFi ไปใช้จริง ในพื้นที่ที่ห้ามใช้ WiFi เช่น บนฟ้า โดยบริษัท AirBus พัฒนา LiFi เพื่อใช้ในห้องควบคุมต่างๆ บนเครื่องบิน และนอกจากนี้ยังกำลังเตรียมติดตั้งระบบดังกล่าวบนเครื่องบินทุกลำ โดยผู้โดยสารสามารถเสียบอุปกรณ์พิเศษเข้ากับอุปกรณ์ของตนเพื่อใช้บริการอินเทอร์เน็ต และนอกจากนี้ระบบปฏิบัติการ IOS ล่าสุดของ Apple ก็มีฟังก์ชันที่รองรับระบบ LiFi บนเครื่องบินแล้วด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังสามารถนำไปใช้ได้ในโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ที่เป็นพื้นที่เปราะบางต่อคลื่นรบกวนอื่นๆ เช่น บางพื้นที่ของโรงพยาบาล โรงงานเคมี หรือโรงไฟฟ้า เป็นต้น

หลอดไฟ Philips เทคโนโลยี LiFi

หลอดไฟ Philips เทคโนโลยี LiFi
Signify (ชื่อใหม่ของ Philips Lighting) ได้เปิดตัวระบบ LiFi System ใหม่ล่าสุด ที่สามารถใช้ระบบไฟให้แสงสว่าง มาใช้ส่งสัญญาณข้อมูลแบบไร้สาย ที่ทำความเร็วในการส่งข้อมูลได้ถึง 250 Mbps เป็นคลื่นความถี่แสงที่สามารถมองเห็นได้ แบบ Visible Light Communication (VLC) ในการส่งข้อมูลนั่นเอง  Signify ใช้ชื่อทางการตลาดของระบบนี้ว่า Trulifi สามารถนำเอาไปติดตั้งใช้งานได้สะดวกง่ายดาย กับโคมไปของ Philips โดยที่ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนหรือถอดทนแทนระบบไฟส่องสว่างเดิมที่ใช้งานอยู่เลย ในเรื่องของประสิทธิภาพนั้น จะสามารถทำความเร็วได้ 150 Mbps ในห้องที่มีขนาดใหญ่ อย่างห้องประชุม หรือถ้าติดตั้งแบบกำหนดตำแหน่ง Point-to-Point จะสามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึง 250 Mbps

ถ้าหาก Li-Fi ได้มีการพัฒนาอย่างเป็นระบบ เราก็จะได้เห็นเหล่าสตาร์ทอัพ พยายามสร้างบ้าน Smart Home ที่ใช้ ไฟเปิดปิดอัตโนมัติ LED (Motion Sensor Light) (Motion Sensor Light) ร่วมกับ ไฟ Li-Fi เพื่อให้เกิดความสะดวกสบายกับผู้ใช้ นอกจากนี้ Global Market Insights ได้คาดการณ์ว่าในปี 2023 LiFi จะมีมูลค่าทางการตลาดมากถึง 75.5 พันล้านเหรียญ แน่นอนว่าในอนาคตอันใกล้นี้เราอาจจะได้เห็นหลอดไฟ LED สามารถทำหน้าที่ได้มากกว่าการส่องสว่าง ก็เป็นได้


Cr.techoffside,เดลินิวส์,โพสทูเดย์,bangkokbankinnohub