วันอัลไซเมอร์โลก 2568

กว่า 124 ปีมาแล้ว ที่พบเจอความจำเสื่อม หรือ โรคอัลไซเมอร์ โดย จิตแพทย์ชาวเยอรมัน นายแพทย์ อาลอยซ์ อัลไซเมอร์ (Alois Alzheimer) จากการรักษาผู้ป่วยหญิงอายุ 55 ปี คนหนึ่งชื่อ ออกุสต์ เด ที่ญาติๆ ของเธอได้ส่งเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลโรคจิต...
องค์การอัลไซเมอร์ระหว่างประเทศ ADI (Alzheimer’s Disease International) กำหนดให้ วันที่ 21 กันยายน เป็น “วันอัลไซเมอร์โลก” ตั้งชื่อตามผู้ค้นพบโรคอัลไซเมอร์ ซึ่งเป็นจิตแพทย์ชาวเยอรมันนามว่า อาลอยซ์ อัลไซเมอร์ (Alois Alzheimer) เพื่อเป็นการรณรงค์ให้ทุกคนเห็นความสำคัญและเข้าใจโรคนี้กันมากขึ้น โรคอัลไซเมอร์หรือสมองเสื่อม เป็นอาการของการสูญเสียความจำระยะสั้นร่วมกับความผิดปกติของการเสื่อมเซลล์สมองทุกส่วน จนไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเอง ไม่สามารถแยกถูกผิด มีปัญหาในเรื่องการใช้ภาษา รวมถึงการประสานงานของกล้ามเนื้อเสียไป ในระยะท้ายของโรคจะสูญเสียความจำทั้งหมด
ความจำเสื่อม เมือ 124 ปีทีผ่านมา
เป็นเวลากว่า 124 ปีมาแล้วที่พบเจอความจำเสื่อม หรือ นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2444 ที่มีการค้บพบโรคอัลไซเมอร์ โดย นายแพทย์ อาลอยซ์ อัลไซเมอร์ (Alois Alzheimer) จิตแพทย์ชาวเยอรมัน ซึ่งได้รายงานการรักษาผู้ป่วยหญิงอายุ 55 ปี คนหนึ่งชื่อ ออกุสต์ เด ที่ญาติๆ ของเธอได้ส่งเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลโรคจิต เพราะทุกคนได้ ลงความเห็นว่าเธอกำลังเสียสติ เนื่องจากมีอาการความจำเสื่อม และชอบรู้สึกอิจฉาริษยาผู้อื่นอยู่บ่อยๆ นายแพทย์อัลไซเมอร์ได้ทดสอบผู้ป่วยรายนี้ อย่างเช่นได้ถามชื่อเสียงเรียงนามและชื่อสามีของเธอ แต่เธอก็ไม่สามารถตอบได้เลย หลังจากที่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนาน 4 ปี เธอก็ถึงแก่กรรม นายแพทย์ อัลไซเมอร์จึงผ่าสมองเพื่อตรวจดูสภาพภายใน พบว่าสมองส่วนที่เรียกว่า hippocampus ซึ่งทำหน้าที่จำนั้น มีปมพังผืดมากกว่าสมองของคนธรรมดา
ความจำเสื่อม โรคทางสมอง
มีรายงานว่า พบผู้ป่วยที่มีอาการความจำเสื่อมเช่นเดียวกันนี้ถึง 11 ราย และโรคนี้จึงเป็นที่รู้จักกันใน ชื่อ “โรคอัลไซเมอร์” (Alzheimer’s Disease) ซึ่งตั้งตามชื่อของนายแพทย์ผู้ทำการค้นพบครั้งแรกตั้งแต่นั่นเป็นต้นมา อัลไซเมอร์ (Alzheimer’s Disease) จัดเป็นโรคทางสมองชนิดหนึ่ง ไม่ใช่ภาวะสมองเสื่อมตามธรรมชาติ หรือตามอายุที่มากขึ้นแต่อย่างใด แต่โรคอัลไซเมอร์นี้ เกิดจากการตายของเซลล์สมอง ซึ่งเซลล์สมองทำหน้าที่ในการเรียนรู้ จดจำ แต่หากเซลล์สมองเหล่านี้เสื่อมโทรมหรือเสียหายไป ก็จะส่งผลให้ความสามารถในการเรียนรู้และจดจำหายไปเช่นกัน
“สารสื่อประสาท” (Neurotransmitter)
เซลล์สมองของคนเราจะมีกลไกการสื่อสารและทำงานผ่านสารเคมี ที่เรียกว่า “สารสื่อประสาท” (Neurotransmitter) ซึ่งสารนี้จะช่วยนำคำสั่งจากสมองไปยังอวัยวะเป้าหมาย เพื่อให้เกิดการทำงานขึ้น และสารสื่อประสาทชนิดหนึ่ง ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการเรียนรู้และจดจำนั่น ก็คือ สารอะเซติลโคลีน (Acetylcholine) ซึ่งพบว่าผู้ที่ป่วยเป็นโรคอัลไซน์เมอร์จะมีปริมาณของสารอะเซติลโคลีนลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับคนปกติทั่วไปจนเกิดภาวะความจำเสื่อม
สาเหตุของ โรคสมองเสื่อม “อัลไซเมอร์”
ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาพบว่า โรคอัลไซเมอร์ เกิดจากการสะสมของโปรตีน ที่ผิดปกติในสมอง ที่เรียกว่า โปรตีนอะไมลอยด์เบต้าและโปรตีนเทาว์ ซึ่งนำไปสู่การค้นพบวิทยาการใหม่ๆ การวินิจฉัยปัจจุบันมีการส่งตรวจพิเศษ การตรวจระดับโปรตีนโดยตรง จากน้ำไขสันหลังและในเลือด และได้มีการพัฒนาชุดตรวจ และ เครื่องมือทำให้ความแม่นยำเพิ่มขึ้น มากกว่าร้อยละ 90 และล่าสุด ในช่วงสองปีที่ผ่านมาในอเมริกาและยุโรป ได้มีการรับรองชุดตรวจในเลือด เพื่อใช้ในการวินิจฉัย สามารถใช้เพียงการเจาะเลือด 3-5 ซีซี ก็สามารถวินิจฉัยโรคได้ และยังพัฒนาเครื่องมือตรวจให้ใช้สะดวกมากขึ้น ในรูปแบบของ แผ่นตรวจสำเร็จรูป โดยหยดเลือดลงไปในแผ่นตรวจ ก็อาจจะตรวจจับโปรตีนเหล่านี้ได้ (แบบเดียวกับการใช้ชุดตรวจโควิด) โดยอยู่ในขั้นตอนการศึกษาทดลอง ซึ่งโรคอัลไซเมอร์ จึงเป็นโรคสามารถเกิดได้กับทุกคน และเมื่อเป็นแล้ว ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่การตรวจพบในระยะเริ่มต้น ช่วยชะลอความเสื่อมของสมองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อาการของ ความจำเสื่อม “อัลไซเมอร์” ผู้สูงอายุ
ความจำเสื่อมส่วนใหญ่เริ่มเป็นตอนอายุ 65 ปีขึ้นไป สิ่งสำคัญคือ การดูแลเอาใจใส่ผู้สูงอายุอย่างใกล้ชิด มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับทั้งตัวโรคและตัวผู้ป่วย และการให้ความรัก เป็นต้น ภาวะสมองเสื่อมจากโรคอัลไซเมอร์ เป็นปัญหาต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน และการเข้าสังคม ซึ่งการเกิดโรคนี้มาจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง รวมถึงปัจจัยด้านพันธุกรรม อาการเบื้องต้นที่ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักแสดงออกมา เช่น เช่น ลืมของ ลืมปิดประตู ลืมปิดเตารีด ลืมชื่อคน ลืมกินยา เป็นต้น ต่อมาเมื่ออาการรุนแรงขึ้น ผู้ป่วยเริ่มสูญเสียความทรงจำ โดยเฉพาะความทรงจำที่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่ๆ และเริ่มมีปัญหาในด้านการพูด อาจพูดประโยคเดิมซ้ำๆ หรือเรียกสิ่งของที่ใช้ไม่ถูก จนท้ายที่สุดผู้ป่วยจะมีอาการหนักขึ้น โดยเกิดความสับสนไม่รู้วันเดือนปี มีพฤติกรรมเปลี่ยนไปในทางก้าวร้าว หวาดระแวง ไม่สนใจดูแลความสะอาดของตน เช่น แปรงฟันไม่เป็น อาบน้ำไม่เป็น ขับถ่ายไม่เป็นที่ ส่งผลกระทบต่อผู้ที่อยู่ใกล้ชิดเป็นอย่างยิ่ง
สัญญาณเตือน โรคอัลไซเมอร์
ระยะที่ 1
ระยะนี้เหมือนคนปกติ ไม่มีปัญหาเรื่องการสูญเสียความจำ หรืออาการของโรคสมองเสื่อม
ระยะที่ 2
ระยะก่อนสมองเสื่อม พบอาการอื่น ได้แก่ เรื่องความจำคือการสูญเสียความจำ คือพยายามจำข้อมูลที่เรียนรู้เมื่อไม่นานมานี้ไม่ได้ และไม่สามารถรับข้อมูลใหม่ๆ ได้ การสูญเสียความจำจะเป็นมากกว่าคนทั่วไป แต่ไม่รุนแรงมากนัก หลังจากนั้นจะมีการเสื่อมถอยของการสนทนา การเลือกใช้คำ การตัดสินใจอย่างมีเหตุผล มีการศึกษาพบว่าผู้ที่มีอาการดังกล่าวจะใช้เวลา 8 ปีจึงจะมีอาการที่จะวินิจฉัยว่าเป็นโรคสมองเสื่อม
ระยะที่ 3
ระยะนี้ผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์จะมีความบกพร่องของความจำ และการเรียนรู้จนสามารถวินิจฉัยอย่างแน่นอนได้ ผู้ป่วยบางส่วนมีปัญหาการใช้ภาษา การบริหารที่ซับซ้อน ปัญหาทางภาษามีลักษณะเด่นคือการใช้คำให้กระชับให้สั้น และพูดหรือใช้ศัพท์ไม่ฉะฉานหรือคล่องเหมือนเดิม ซึ่งทำให้พูดหรือเขียนภาษาได้น้อยลง อาจพบความบกพร่องของการการเคลื่อนไหวและการวางแผน ทำให้ผู้ป่วยดูเงอะงะหรือซุ่มซ่าม
ระยะที่ 4
ระยะนี้เป็นระยะที่เริ่มจะเป็นโรคสมองเสื่อมในระยะเริ่มต้น หากซักประวัติดีดีก็จะพบว่ามีหลายอาการที่เข้าได้กับโรคสมองเสื่อม
ระยะที่ 5
ระยะนี้ผู้ป่วยเป็นโรคที่มีความรุนแรงปานกลาง พบความเสื่อมของสมองจนไม่สามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้ด้วยตนเอง เห็นชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องการสูญเสียความจำ ความคิด การพูดปรากฏชัดเจนเนื่องจากไม่สามารถนึกหาคำศัพท์ได้ การเคลื่อนไหวที่ซับซ้อนจะลดลง ทำให้ไม่สามารถทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันส่วนใหญ่ได้อย่างปกติ
ระยะที่ 6
ระยะนี้ผู้ที่เป็นโรคนี้มีอาการรุนแรงมากขึ้น สูญเสียความจำมากขึ้น ผู้ป่วยจะพูดประโยคหรือวลีซ้ำ จนกระทั่งไม่สามารถพูดได้เลย แม้ว่าผู้ป่วยจะไม่สามารถพูดจาตอบโต้เป็นภาษาได้ แต่อาจจะตอบสนองด้วยการแสดงอารมณ์ มีการเปลี่ยนแปลงบุคคลิภาพต้องพึ่งพาผู้อื่นมากขึ้น ก้าวร้าว มีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลง อาการแสดงที่พบบ่อยคือการหนีออกจากบ้าน ความรู้สึกผิดปกติ สับสนหรือเห็นภาพหลอนในเวลากลางคืน หงุดหงิดโมโหง่าย และอารมณ์แปรปรวน เช่นร้องไห้ ก้าวร้าวอย่างไม่มีเหตุผล หรือดื้อต่อผู้ดูแล
ระยะที่ 7
ระยะนี้เป็นระยะท้ายของโรคผู้ป่วยไม่สามารถตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อม สื่อสารกับคนอื่นไม่ได้ ควบคุมการเคลื่อนไหวไม่ได้ มักจะพูดประโยคหรือวลีซ้ำๆ ระยะนี้จะต้องมีคนดูแลทุกเรื่อง การเคลื่อนไหวร่างการมีปัญหา นั่งเองไม่ได้ รับประทานอาหารเองไม่ได้
สมุนไพร ป้องกัน & รักษา “โรคอัลไซเมอร์”
เมือเริ่มมีอาการดังกล่าวข้างต้น แนะนำควรรีบพบประสาทแพทย์ หรือแพทย์เวชศาสตร์ผู้สูงอายุ การรักษามีแบบประคับประคองโรคทางกาย และปัญหา ทางจิต การป้องกันโรคแทรกซ้อน การดูแลบำบัดด้านจิตใจและปัญหาพฤติกรรม ฟื้นฟูสุขภาพกายและจิต สร้างพฤติกรรมสุขภาพที่ดี เน้นคุณภาพชีวิตโดยให้ผู้ดูแลมีส่วนร่วม ปัจจุบันยังไม่มียาเฉพาะ มีเพียงการใช้ยาเพื่อ เพิ่มระดับสารสื่อประสาทในสมอง ช่วยเพิ่มความจำให้ดีขึ้น และ ลดปัญหาด้านพฤติกรรมที่เกิดจากตัวโรค อย่างไรก็ตาม ศาสตร์การแพทย์ แผนไทย มีสมุนไพรในการดูแลและป้องกันการเกิดโรคอัลไซเมอร์ ได้แก่ บัวบก และ พรมมิ ที่ได้ผลการรักษาค่อนข้างได้ผล ส่วนวิธีป้องกันโรคสมองเสื่อม “อัลไซเมอร์” ควรฝึกบริหารสมองเป็นประจำ ลดโอกาสเสี่ยงของการเกิดโรค จึงควรหากิจกรรมฝึกความจำให้แก่ผู้สูงอายุให้ได้ใช้สมองในการทำกิจกรรม เช่น การฝึกถามตอบความรู้ทั่วไป เล่นดนตรีไทย วาดภาพ คิดเลข จะช่วยชะลอความเสื่อมของสมองได้เป็นอย่างดี
สมุนไพรพรมมิ เพิ่มความจำ บำรุงสมอง
ศ.ดร.กรกนก อิงคนินันท์ หัวหน้าทีมวิจัย จากคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร และคณะนักวิจัยร่วม เจ้าของรางวัลผลงานวิจัยดีเด่น สาขาวิทยาศาสตร์เคมีและเภสัชศาสตร์ จากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์ ประจำปี พ.ศ. 2557 จากผลงานวิจัยเรื่อง “พรมมิ สมุนไพรบำรุงความจำ” ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของพรมมิ สมุนไพรริมตลิ่ง โดยได้ทำการศึกษาวิจัยเพื่อพัฒนาให้เป็น สมุนไพรที่ช่วยในการบำรุงความจำ จนประสบความสำเร็จ และได้พัฒนาต่อยอดกระบวนผลิต ในระดับอุตสาหกรรมแบบครบวงจรให้แก่ องค์การเภสัชกรรม จนได้เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร สารสกัดสมุนไพร “พรมมิ สมุนไพรบำรุงความจำ” ในรูปแบบเม็ด ช่วยชะลอความเสื่อมของสมอง บำรุงสมอง และความจำ นอกจากนี้ยังช่วย เรื่องการนอนหลับ และ ลดความวิตกกังวลได้ ในตำราอายุรเวทของอินเดีย กล่าวว่า พรมมิ มีสรรพคุณ ช่วยเพิ่มความจำ บำรุงสมอง
สมุนไพร ป้องกัน โรคสมองเสื่อม “อัลไซเมอร์”
นายแพทย์ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ ที่ปรึกษา กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เปิดเผยว่า ปัจจุบันภาวะสมองเสื่อม หรือโรคอัลไซเมอร์ เป็นภาวะที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยสูงอายุและมีแนวโน้มสูงขึ้น สมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อการป้องกันโรคอัลไซเมอร์ คือ บัวบก สมุนไพรในกลุ่มโปรดักส์ แชมเปี้ยน เป็นสมุนไพรที่มีอยู่ทุกที่ทั่วประเทศไทยที่สำคัญหาง่าย ใช้คล่อง ปลอดภัย ใช้ได้ทั้งต้นและใบ มีรสขม สามารถนำมารับประทานเป็นอาหาร ทำเป็นเครื่องดื่ม จากการศึกษาวิจัยพบ บัวบกมีฤทธิ์รักษาแผลที่ผิวหนัง รักษาแผลในทางเดินอาหาร รักษาความผิดปกติของหลอดเลือดดำ รักษาแผลในปาก และที่สำคัญ คือ บำรุงสมอง ป้องกันอัลไซเมอร์ และช่วยฟื้นฟูความจำ และ มีผลกับการความจำและเรียนรู้ในผู้สูงอายุ
บัวบก บำรุงสมอง ป้องกันอัลไซเมอร์
สำหรับสรรพคุณบัวบกที่ให้ความสนใจกันมากเป็นพิเศษคือ “บำรุงสมอง ป้องกันอัลไซเมอร์” เนื่องจากในบัวบกมีสรรพคุณช่วยบำรุงประสาทและสมอง ช่วยทำให้เพิ่มความจำดีขึ้นและทำให้มีปฏิภาณไหวพริบ เพิ่มมากขึ้น ใบบัวบกยังช่วยเสริมการทำงานของกาบา (GABA) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ช่วยรักษาสมดุลของจิตใจ ลดความกระวนกระวาย ช่วยให้จิตใจสงบและผ่อนคลายลงได้ ทำให้สามารถนอนหลับได้ง่ายขึ้น โดยแค่เพียงรับประทานเป็นประจำก่อนนอน ก็จะช่วยให้การนอนหลับดีขึ้น ปัจจุบันนี้มีการผลิตสารสกัดจากบัวบกเป็นยาบำรุงสมอง สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป โปรดสังเกตุมาตรฐานและเลขจดแจ้งขออนุญาต จาก อย.
วิธีทำ น้ำใบบัวบก บำรุงสมอง
วิธีรับประทานน้ำใบบัวบก บำรุงสมอง ป้องกันอัลไซเมอร์ ให้นำใบบัวบกทั้งต้น มาล้างน้ำให้สะอาด จากนั้นหั่นเป็นท่อนๆ ประมาณ 2-3 ท่อน นำมาปั่นรวมกับน้ำเปล่า โดยใส่น้ำให้ท่วมใบบัวบก กรองเอาแต่น้ำ และสามารถปรุงรสด้วยน้ำผึ้งตามใจชอบ ให้ดื่มครั้งละ 120-200 มิลลิลิตร วันละ 3 ครั้ง หลังอาหาร และไม่ควรรับประทานติดต่อกันเป็นเวลานาน
Cr. กรมการแพทย์แผนไทย,โรงพยาบาลบางมูลนาก,เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว,สำนักงานเขตสุขภาพที่ 8,