i-Synes.com

ตะกร้า 0

สมาร์ทการ์ด & บัตร RFID

สมาร์ทการ์ด & บัตร RFID

บัตรสมาร์ทการ์ด หนึ่งใบ สามารถรองรับ แอพพลิเคชั่นหลายตัว พร้อมกันได้ สถาบันและหน่วยงานรัฐหลายแห่งนำ บัตร มาใช้อย่างแพร่หลาย เช่น บัตรประจำตัวนักศึกษา บัตรประจำตัวประชาชน บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ บัตรพนักงานรัฐ กระเป๋าเงินดิจิทัล..


 

ในปัจจุบัน โลกดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สมาร์ทการ์ด ได้กลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตประจำวัน สมาร์ทการ์ด หรือ บัตรพลาสติกที่ฝัง ชิปไมโครโปรเซสเซอร์ หรือ ชิปหน่วยความจำ ประมวลผลและจัดเก็บข้อมูลได้อย่างปลอดภัย และทำหน้าที่ต่างๆ เช่น การยืนยันตัวตน การเข้ารหัส และการแลกเปลี่ยนข้อมูล เนื่องจากมีระดับความปลอดภัย ความสะดวก และความอเนกประสงค์สูง แตกต่างจาก บัตรแถบแม่เหล็ก แบบดั้งเดิม ซึ่งมีความปลอดภัยที่ลดลง สมาร์ทการ์ด สามารถประมวลผลข้อมูลบนบัตรได้ ทำให้มีความปลอดภัย และ ใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น สมาร์ทการ์ด จึงถูกใช้กันอย่างแพร่หลายในหลากหลาย รวมถึงธุรกรรมทางการเงิน การจัดการข้อมูลส่วนบุคคล การขนส่ง และการดูแลสุขภาพ โดยทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมที่สำคัญระหว่าง โลกกายภาพ และ โลกดิจิทัลไร้สัมผัส ในเทคโนโลยีสมัยใหม่ ซึ่งสามารถแบ่งประเภทของ สมาร์ทการ์ด ดังนี้

สมาร์ทการ์ด แบบสัมผัส (Contact smart card)

สมาร์ทการ์ด แบบสัมผัส (Contact smart card)
บัตรสมาร์ทการ์ด แบบสัมผัส (Contact smart card) บัตรที่มีชิปโลหะบนพื้นผิว ซึ่งต้องเสียบเข้าไปในเครื่องอ่าน เพื่อให้เกิดการสัมผัสโดยตรงกับเครื่องอ่าน ผ่านแผ่นสัมผัสชุบทองบนพื้นผิว เพื่อแลกเปลี่ยนพลังงานและข้อมูล สร้างการเชื่อมต่อสำหรับการประมวลผล บัตรประเภทนี้ มักใช้สำหรับงาน ที่ต้องการความปลอดภัยสูง เช่น บัตรประชาชน, บัตรเครดิต บัตรเดบิต และซิมการ์ด โทรศัพท์มือถือ บางทีอาจเรียกบัตรประเภทนี้ว่า บัตรชิปการ์ด หรือ บัตรสมาร์ทการ์ด

บัตรสมาร์ทการ์ด แบบไร้สัมผัส (Contactless Smart Card)

บัตรสมาร์ทการ์ด แบบไร้สัมผัส (Contactless Smart Card)
บัตรที่มีชิปและขดลวด ทำหน้าที่เป็นเสาอากาศในตัว สามารถส่งข้อมูลกับ เครื่องอ่าน โดยไม่ต้องสัมผัสหรือส่วนใหญ่เรียกว่า แบบไร้สัมผัส โดยใช้เทคโนโลยีคลื่นวิทยุ (RFID) ส่งสัญญาณความถี่วิทยุ (RF) เพื่อสื่อสารกับเครื่องอ่าน โดยไม่ต้องสัมผัสโดยตรง เพียงแค่วางบัตรใกล้ๆ กับเครื่องอ่านบัตร บัตรประเภทนี้ ใช้สำหรับทำธุรกรรมที่ไร้สัมผัส ประมวลผลรวดเร็ว เหมาะสำหรับสังคมเว้นระยะห่าง (Social Distancing) ยุค COVID-19 เริ่มนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายใน ระบบขนส่งสาธารณะ ระบบแตะเพื่อชำระเงิน และ การแตะบัตรเข้าออกอาคารอย่างปลอดภัย เช่น บัตรโดยสารขนส่งสาธารณะ บัตรแตะเพื่อจ่าย และบัตรเข้าออกอาคาร บางทีเรียกบัตรประเภทนี้ว่า บัตร RFID บัตร NFC

บัตรสมาร์ทการ์ด แบบไฮบริด (Hybrid Card)

บัตรสมาร์ทการ์ด แบบไฮบริด (Hybrid Card)
บัตรที่มีเทคโนโลยีสมาร์ทการ์ด มากกว่าหนึ่งชนิดรวมกัน เช่น ผสานทั้งแบบสัมผัส (Contact) และ แบบไร้สัมผัส (Contactless) รวมเทคโนโลยีทั้งแบบสัมผัส และ แบบไร้สัมผัสไว้ในบัตรเดียว ทำให้มีความยืดหยุ่นในการใช้งานสูง โดยอาจใช้ ชิปแบบไร้สัมผัส สำหรับการควบคุมการเข้าถึงทางกายภาพ และ ใช้ชิปแบบสัมผัส สำหรับการยืนยันตัวตน ผ่านระบบคอมพิวเตอร์หรือการทำธุรกรรม เหมาะสำหรับระบบอเนกประสงค์ ที่อาจจำเป็นต้องใช้ทั้งสองวิธีร่วมกัน เช่น บัตรประจำตัวประชาชน หรือ บัตรชำระเงินล่วงหน้า

ข้อดีของ สมาร์ทการ์ดไร้สัมผัส หรือ บัตร RFID

ข้อดีของ สมาร์ทการ์ดไร้สัมผัส หรือ บัตร RFID
บัตร RFID ไม่ได้เป็นเพียงแค่ อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลเท่านั้น แต่ยังเป็น เครื่องมืออัจฉริยะ ที่ปลอดภัย และ ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความปลอดภัย ประสิทธิภาพ และ ความยืดหยุ่นของระบบดิจิทัลสมัยใหม่ ทำให้ บัตร RFID เป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยม ในทุกอุตสาหกรรม ด้วยเหตุผลและคุณสมบัติดังนี้

ความปลอดภัยสูง

1. ความปลอดภัยสูง
บัตร RFID ถูกสร้างขึ้นเพื่อปกป้องข้อมูลสำคัญ และ ป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต ผ่านกลไกต่างๆ การจัดเก็บข้อมูลแบบเข้ารหัส ด้วยชิปที่เข้ารหัสข้อมูลที่จัดเก็บไว้ ทำให้ถูกจำกัดสิทธิ และ ยากต่อการแอบดึงข้อมูล หรือ เปลี่ยนแปลงข้อมูลภายในบัตร นอกจากนี้ ชิปถูกออกแบบมาเพื่อ ตรวจจับและป้องกันการงัดแงะ ทั้งทางฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ความพยายามเข้าถึง โดยไม่ได้รับอนุญาต ถูกตรวจสอบทั้งผู้ใช้บัตร (เช่น ผ่าน PIN หรือ ข้อมูลไบโอเมตริกซ์) และ เครื่องอ่านบัตร RFID ปลายทาง ก่อนที่เริ่มทำธุรกรรม หรือ แลกเปลี่ยนข้อมูล การตรวจสอบทั้งสองฝั่งของการสื่อสาร ได้รับความไว้วางใจที่ปลอดภัย ก่อนการทำธุรกรรมสำคัญๆ

เล็กสะดวกพกพา

2. เล็กสะดวกพกพา
บัตรพลาสติก RFID น้ำหนักเบา และพกพาสะดวก ที่มีชิปขนาดเล็ก พร้อมขดลวดเสาอากาศที่ฝั่งอยู่บนบัตร โดยทั่วไปมีขนาดเท่ากับ บัตรเครดิตมาตรฐาน ด้วยชิปขนาดเล็กที่อยู่ภายในบัตรนี้ ทำให้สามารถ นำไปใส่ไว้ในสิ่งของใช้ประจำวัน ได้อย่างง่ายดาย เช่น กระเป๋าสตางค์ พวงกุญแจ และอุปกรณ์พกพา สะดวกต่อการใช้งาน สำหรับการระบุตัวตน การชำระเงิน หรือ การเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลอย่างรวดเร็ว จึงเป็นที่นิยม นำมาใช้กันอย่างแพร่หลายใน เทคโนโลยีเคลื่อนที่ และ อุปกรณ์สวมใส่ได้ เนื่องจากมีขนาดเล็กและกินไฟน้อยมากๆ

นำไปใช้งานหลากหลายธุรกิจ

3. นำไปใช้งานหลากหลายธุรกิจ
บัตร RFID หนึ่งใบ สามารถรองรับ แอพพลิเคชั่นหลายตัว พร้อมกันได้ สถาบันและหน่วยงานภาครัฐบาลหลายแห่งนำ บัตร RFID มาใช้อย่างแพร่หลาย เช่น บัตรประจำตัวนักศึกษา บัตรประจำตัวประชาชน บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ บัตรพนักงานรัฐ บัตรรัฐวิสาหกิจ และ เครือข่ายหน่วยงานราชการ หน่วยงานภาครัฐ ฯลฯ ซึ่งทำให้เป็นเครื่องมืออันทรงพลัง สำหรับการนำไปใช้ การชำระเงิน เช่น ธุรกรรมเครดิต/เดบิต บริการเติมเงิน กระเป๋าเงินดิจิทัล การควบคุมการเข้าถึงระบบหรือองค์กร เช่น การเข้าออกอาคาร สำนักงาน และการเข้าระบบข้อมูส่วนบุคคลอย่างปลอดภัย การใช้งานด้านการดูแลสุขภาพ เช่น การบันทึกทางการแพทย์ ใบสั่งยา และ ข้อมูลประกันภัย นำไปใช้งานด้านระบบขนส่งสาธารณะ เช่น แตะและไปต่อ สำหรับรถประจำทาง รถไฟฟ้า และ ทางด่วนเก็บค่าผ่านทาง หรือ การใช้งาน ระบบค้าปลีก ค้าส่ง การศึกษา และ การสมัครสมาชิกของลูกค้า

ง่ายต่อการพัฒนาและเชื่อมต่ออุปกรณ์อื่นๆ

4. ง่ายต่อการพัฒนาและเชื่อมต่ออุปกรณ์อื่นๆ
บัตร RFID มีความยืดหยุ่น สามารถทำงานร่วมกับ เครื่องสแกนไบโอเมตริกซ์ ระบบบล็อกเชน แพลตฟอร์มคลาวด์ และแอปมือถือ สมาร์ทการ์ดบางรุ่น อนุญาตให้อัปเดตซอฟต์แวร์ ที่ฝังอยู่ในชิปได้อย่างปลอดภัย นักพัฒนาสามารถสร้างฟังก์ชันเฉพาะ ที่เหมาะกับความต้องการเฉพาะของระบบ ช่วยให้ใช้งานได้ยาวนาน และ คุ้มต้นทุน เนื่องจากสามารถเพิ่มคุณสมบัติใหม่ๆ ได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนบัตรฯเดิม ซึ่งทำให้เหมาะกับเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง และเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

บัตรอเนกประสงค์ RFID

บัตรอเนกประสงค์ RFID
บัตรอเนกประสงค์ RFID ที่สามารถเก็บข้อมูลสำคัญของทางราชการ ได้หลากหลายไว้ในใบเดียว เช่น บัตรประชาชน, ใบขับขี่, บัตรเครดิต, บัตรเดบิต และ บัตรประกันสุขภาพ เพื่ออำนวยความสะดวก ในการติดต่อกับหน่วยงานต่างๆ เทคโนโลยีนี้ รวมการ์ดหลายใบเข้าไว้ด้วยกัน และ มีความปลอดภัยสูงกว่า บัตรแถบแม่เหล็กแบบเดิม การมีข้อมูลดิจิทัลอยู่ในทุกธุรกรรม ทำให้ธุรกรรมลักษณะนี้มีความปลอดภัยอย่างที่สุด และ ลดความเสี่ยงเรื่องการฉ้อโกง หัวใจสำคัญก็อยู่ที่ กระบวนการพิสูจน์ข้อมูลส่วนบุคคล ตรวจสอบความถูกต้องแบบพลวัต ที่รวมข้อมูลเฉพาะของแต่ละธุรกรรมเข้าไว้ ทำให้ยากต่อการทำซ้ำและที่สำคัญ ไม่มีใครสามารถโจรกรรมได้

Cr.RFIDcard,ACCUZ Industries,