สแกนใบหน้าขึ้นเครื่อง แทน ตรวจหนังสือเดินทาง
ปฏิวัติการขี้นเครื่องบิน ด้วยพาสปอร์ตใบหน้า บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) นำระบบพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล ด้วยเทคโนโลยี Facial Recognition มาใช้ในการระบุตัวตนของผู้โดยสาร อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้โดยสารลดระยะเวลาในการรอคิวของแต่ละจุดบริการภายในท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่ง......
บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT เปิดให้บริการระบบพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล (Facial Biometric) สำหรับคนไทยมาตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2567 และเปิดให้บริการสำหรับชาวต่างชาติ เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ที่ผ่านมา โดยใช้เวลาเฉลี่ยต่อคนผ่านเข้าเครื่อง ABC เพียง 23 วินาทีต่อคนเท่านั้น ซึ่งช่วยลดความหนาแน่นของผู้โดยสารได้เป็นอย่างดี โดยทาง สตม.ได้มีการให้บริการทั้งในพื้นที่ขาเข้าและขาออก ท่าอากาศนานาชาติสุวรรณภูมิ ทั้ง 3 โซน ทั้งหมด 72 เครื่อง แบ่งเป็นขาเข้า 16 เครื่อง และขาออก 56 เครื่อง ส่วนสนามบินไหนรองรับระบบสแกนหน้าเช็กอิน ที่มีให้บริการภายในท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ AOT ได้แก่
สนามบิน 6 แห่ง รองรับสแกนหน้าเช็กอิน (Facial Biometric)
- ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
- ท่าอากาศยานดอนเมือง
- ท่าอากาศยานเชียงใหม่
- ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย
- ท่าอากาศยานภูเก็ต
- ท่าอากาศยานหาดใหญ่
นายกรัฐมนตรี สแกนใบหน้ายืนยันตัวตน
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทดลองใช้งานระบบพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล (Facial Biometric) ผ่าน เครื่อง ABC (Automated border control ออโต้-เมด-บราเดอร์-คอนโทรล) สำหรับผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ณ อาคารผู้โดยสารท่าอากาศนานาชาติสุวรรณภูมิ เปิดให้บริการของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) พร้อมสอบถามขั้นตอนการใช้งานและปัญหาที่เกิดขึ้นจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ก่อนการเดินทางไปประชุมผู้นำความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) ครั้งที่ 31 ที่กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู วันที่ 10 พฤศจิกายน 2567
จุดเช็คอิน One ID
หลังจากสแกนใบหน้าแทนการตรวจพาสปอร์ต ระบบ biometric นำข้อมูลใบหน้าผู้โดยสารมาสร้างเป็นข้อมูล One ID เก็บไว้ในระบบ แล้วส่งข้อมูลใบหน้าไปยังจุดต่างๆ ที่ผู้โดยสารเช็คอิน ผู้โดยสารสามารถเข้าใช้บริการจุดต่าง ๆ ภายในสนามบิน ไม่ว่าจะเป็น จุดตรวจค้นสัมภาระ จุดตรวจบัตรโดยสารก่อนขึ้นเครื่องบิน ณ ประตูทางออกขึ้นเครื่องได้ด้วย โดยไม่จำเป็นต้องใช้การยืนยันตัวตนด้วยหนังสือเดินทางผ่าน เครื่องสแกน passport หรือบัตรประชาชนคู่กับ boarding pass อีกต่อไป
ทั้งนี้ระบบบริการผู้โดยสารขึ้นเครื่อง หรือ CUPPS (Common Use Passenger Processing System) ด้วยการสแกนใบหน้า ประกอบไปด้วย 5 ระบบย่อย ได้มีการใช้งานและเชื่อมต่อกันอย่างครอบคลุม ทำให้ข้อมูลต่างๆ ถูกเชื่อมโยงเข้าสู่เครือข่ายอย่างสมบูรณ์ ระบบย่อยทั้ง 5 ได้แก่
เครื่อง CUTE หรือ เครื่องตรวจบัตรโดยสารโดยเจ้าหน้าที่สายการบิน
เครื่อง CUSS หรือ เครื่องเช็กอินด้วยตนเองอัตโนมัติ
เครื่อง CUBD หรือ เครื่องรับกระเป๋าสัมภาระอัตโนมัติ
ระบบ PVS (Passenger Validation System) ตรวจสอบยืนยันตัวตนผู้โดยสาร
ระบบ SBG (Self-Boarding Gate) ระบบประตูทางออกขึ้นเครื่องอัตโนมัติ
เครื่องเช็คอินอัตโนมัติ (CUSS)
เมือผู้โดยสารที่มาเช็กอินที่เคาน์เตอร์เช็คอินปกติ หรือที่เครื่อง CUSS (common use self service) ให้การยินยอมใช้ข้อมูลอัตลักษณ์บุคคล หลังจากเช็กอินเสร็จแล้ว ให้ผู้โดยสารเลือกสายการบินที่เดินทาง ต่อด้วยเลือก “Enrollment” จากนั้นสแกน Barcode จากบัตรโดยสารขึ้นเครื่อง (Boarding Pass) เสียบหนังสือเดินทาง (Passport) หรือบัตรประชาชน และสแกนใบหน้าเป็นขั้นตอนสุดท้าย ถือเป็นการเสร็จสิ้นการลงทะเบียน ซึ่งระบบจะดำเนินการจัดเก็บข้อมูลใบหน้าและข้อมูลเอกสารการเดินทางของผู้โดยสารในรูปแบบของ Token ไว้ในระบบ เช่นเดียวกัน ทั้งนี้ เป็นการยินยอมให้ใช้ข้อมูล Biometric สำหรับการเดินทางเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ระบบ biometric นำข้อมูลใบหน้าผู้โดยสารผสานรวมกับข้อมูลการเดินทางของผู้โดยสารท่านนั่น สร้างเป็นข้อมูลสำหรับใช้ในการตรวจสอบยืนยันตัวตน เรียกว่าข้อมูล One ID
เครื่องโหลดกระเป๋าสัมภาระอัตโนมัติ (CUBD) แทน สแกนพาสปอร์ต
เมื่อระบบจดจำใบหน้าดำเนินการสำเร็จ ผู้โดยสารใช้เพียงสแกนใบหน้าเพื่อโหลดกระเป๋าสัมภาระที่ เครื่องโหลดกระเป๋าสัมภาระอัตโนมัติ CUBD (common use bag drop) รวมถึงใช้ยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าแทนการใช้ boarding pass ณ จุดตรวจค้น และสแกนใบหน้าขั้นตอนการตรวจบัตรโดยสารก่อนขึ้นเครื่อง ณ ประตูทางออกขึ้นเครื่องด้วย โดยทุกขั้นตอนไม่ต้องแสดงหลักฐานตั๋วโดยสารและบัตรประชาชน หรือ สแกนหนังสือเดินทาง (passport) ที่ เครื่องสแกน passport ทำให้ผู้โดยสารมีเวลาเพียงพอที่จะเดินเล่น เลือกซื้อสินค้าปลอดอากรและของฝาก รับประทานอาหาร หรือพักผ่อนหย่อนใจ
ปฏิวัติการขี้นเครื่องบิน ด้วยพาสปอร์ตใบหน้า
การจดจำใบหน้าเป็นรูปแบบหนึ่งของการระบุตัวตนด้วยไบโอเมตริกซ์ (Facial Biometric) ใช้เวลาน้อย มีความแม่นยำสูง ลดความจำเป็นที่ผู้โดยสารต้องแสดงหรือสแกนเอกสารการเดินทางของตน และช่วยลดระยะเวลาในการรอคิวในการตรวจสอบแต่ละจุดให้บริการ ลดระยะเวลาที่ใช้ในการขึ้นเครื่องบิน ซึ่งขณะนี้ AOT ได้ติดตั้งและพร้อมให้บริการ
เครื่อง CUTE หรือ เครื่องตรวจบัตรโดยสารโดยเจ้าหน้าที่สายการบิน
เครื่อง CUSS หรือ เครื่องเช็กอินด้วยตนเองอัตโนมัติ
เครื่อง CUBD หรือ เครื่องรับกระเป๋าสัมภาระอัตโนมัติ
ร่วมกับสายการบิน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เปิดระบบไบโอเมตริก 100% รองรับนักท่องเที่ยวช่วงเทศกาลปีใหม่ คาดว่าปี 2568 ผู้โดยสารเครื่องบินขยับถึง 129.97 ล้านคน เป็นการปฏิวัติวิธีการเดินทางขึ้นเครื่องบินของไทย
Cr.ประชาชาติธุรกิจ,ฐานเศรษฐกิจ,ข่าวทำเนียบรัฐบาล,The Facts ข่าวจริง,Line Today,